หากคุณมีอาการปวดข้อมือ โดยเฉพาะบริเวณนิ้วโป้ง หรือรู้สึกเจ็บเมื่อขยับข้อมือ นั่นอาจเป็นสัญญาณของภาวะเอ็นข้อมืออักเสบ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ที่ใช้งานข้อมืออย่างหนัก บทความนี้จาก KLOSS Wellness Clinic จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าเอ็นข้อมืออักเสบคืออะไร เกิดจากสาเหตุใด และมีวิธีรักษา รวมถึงการป้องกันอย่างถูกต้องอย่างไรบ้าง
เอ็นข้อมืออักเสบคืออะไร
เอ็นข้อมืออักเสบ หรือทางการแพทย์มักเรียกภาวะนี้ว่าปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ (De Quervain’s Tenosynovitis) คือภาวะที่เส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นบริเวณข้อมือฝั่งนิ้วโป้งเกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นจุดที่มีการใช้งานหนักและเกิดการอักเสบได้บ่อยที่สุด โดยปกติแล้วเอ็นข้อมือมีหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนไหวของนิ้วโป้งและข้อมือ และมีปลอกหุ้มเอ็นคอยรั้งเอ็นให้อยู่แนบข้อมือ เมื่อเกิดการอักเสบขึ้น บริเวณรอบ ๆ ปลอกหุ้มเอ็นจะเกิดการบวม ทำให้การเคลื่อนไหวของเส้นเอ็นภายในปลอกเส้นเอ็นติดขัด เกิดอาการเจ็บปวด โดยเฉพาะเมื่อมีการขยับนิ้วโป้งหรือข้อมือ
อาการของเอ็นข้อมืออักเสบ
เมื่อเกิดภาวะเอ็นข้อมืออักเสบผู้ป่วยมักจะมีอาการที่ชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณข้อมือด้านนิ้วโป้ง อาการที่พบได้บ่อยมีดังนี้
- อาการเจ็บข้อมือ: โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหวในแนวของเส้นเอ็น หรือเมื่อทำกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อมือและนิ้วโป้ง
- ปวดบริเวณข้อมือด้านนิ้วโป้ง: อาการปวดมักจะสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว และในบางกรณีอาจมีอาการบวม แดง มากกว่ามืออีกข้าง
- จำกัดการเคลื่อนไหว: ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่าการขยับนิ้วโป้งหรือข้อมือทำได้ยากขึ้น หรือมีอาการปวดมากจนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ
- อาการปวดตอนกลางคืน: บางรายอาจนอนสะดุ้งตื่นเพราะข้อมือบิดหมุนขณะหลับโดยไม่รู้ตัว และรู้สึกปวดขึ้นมา
หากพบอาการเหล่านี้ และอาการปวดเริ่มรบกวนการทำงานในชีวิตประจำวัน ไม่สามารถใช้ชีวิตหรือทำงานได้ตามปกติ ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี
ปัจจัยเสี่ยงต่ออาการเอ็นข้อมืออักเสบ
เอ็นข้อมืออักเสบ เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้งานข้อมือและนิ้วโป้งอย่างหนักและต่อเนื่อง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่
- อุบัติเหตุ: เช่น การล้มในท่าที่มีแรงกระแทกบริเวณข้อมือโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของเส้นเอ็น จนนำไปสู่การอักเสบ
- การใช้งานข้อมือซ้ำ ๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน: โดยเฉพาะกิจกรรมที่ต้องใช้การขยับนิ้วโป้งและข้อมืออย่างหนักและเป็นเวลานาน เช่น การพิมพ์คอมพิวเตอร์ การใช้เมาส์ การเล่นเกม
- การขยับข้อมือผิดลักษณะ: หรือใช้อุปกรณ์ที่ต้องใช้ข้อมือแบบผิดวิธี เช่น การจับอุปกรณ์กีฬา หรือเครื่องมือช่างที่ไม่เหมาะสม
- คุณแม่ตั้งครรภ์: อาจเริ่มมีอาการปวดตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ เนื่องจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น การสะสมของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ปลอกหุ้มเอ็นบวม และจำกัดการเคลื่อนไหวของเส้นเอ็นภายในปลอกหุ้มเอ็น โดยอาการอาจคงอยู่จนถึงหลังคลอด
- คุณแม่ที่เลี้ยงลูก: โดยเฉพาะคุณแม่ที่ต้องอุ้มลูก เปิดปิดขวดนม บิดผ้าอ้อม หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องใช้ข้อมือและนิ้วโป้งมากๆ
- กลุ่มนักกีฬา: ที่ใช้งานข้อมือมากเกินไป เช่น นักแบดมินตัน นักเทนนิส นักกอล์ฟ หรือผู้ที่จับอุปกรณ์กีฬาไม่เหมาะสม
- เพศหญิง: เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบมากกว่าผู้ชายถึง 8 เท่า
- ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบเรื้อรัง: เช่น โรครูมาตอยด์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบของเส้นเอ็นได้ง่ายขึ้น
- ช่วงอายุ 30-60 ปี: เป็นช่วงอายุที่พบอาการนี้ได้บ่อย
วิธีการรักษาเอ็นข้อมืออักเสบ
การรักษาเอ็นข้อมืออักเสบมีหลายแนวทางขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยเริ่มต้นจากการรักษาแบบประคับประคองไปจนถึงการผ่าตัดหากจำเป็น
- หยุดพักการใช้งานข้อมือ: เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการลดการอักเสบ และช่วยให้เส้นเอ็นมีโอกาสฟื้นตัว ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใส่เฝือกข้อมือและนิ้วโป้งเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหว
- รับประทานยาลดการอักเสบ: ยาในกลุ่มลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบได้
- กายภาพบำบัดและการประคบอุ่น: การทำกายภาพบำบัดจะช่วยลดอาการปวด เพิ่มความยืดหยุ่น และเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณข้อมือ การประคบอุ่นก็สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและลดอาการปวดได้
- ฉีดยาสเตียรอยด์: หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากพักและใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าที่บริเวณปลอกหุ้มเอ็นเพื่อลดการอักเสบ โดยส่วนใหญ่แพทย์แนะนำให้ฉีดไม่เกิน 2 ครั้ง หากอาการยังไม่ทุเลาลง ควรพิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นลำดับถัดไป
- การผ่าตัด: เป็นทางเลือกสุดท้ายในกรณีที่การรักษาแบบอื่น ๆ ไม่ได้ผล หรืออาการรุนแรงมาก การผ่าตัดจะเป็นการผ่าตัดปลอกหุ้มเอ็นเพื่อลดการกดเบียดเส้นเอ็น ช่วยให้เส้นเอ็นสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น โดยเป็นการผ่าตัดเล็กเฉพาะที่ มีขนาดแผลเพียงประมาณ 1 เซนติเมตร ใช้เวลาไม่นาน และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล
วิธีการป้องกันเอ็นข้อมืออักเสบ
การป้องกันเอ็นข้อมืออักเสบที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลต่อการบาดเจ็บของข้อมือ โดยเฉพาะการใช้งานหนัก หรือใช้งานซ้ำ ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับผู้ที่ต้องทำงานบ้าน คุณแม่ที่ดูแลลูก หรือนักกีฬาที่จำเป็นต้องใช้ข้อมือเป็นประจำ ควรเรียนรู้วิธีการปรับวิธีการใช้งานและศึกษาเทคนิคการออกกำลังกายที่ถูกวิธี เพื่อลดภาระของข้อมือและป้องกันการเกิดอาการอักเสบ การยืดเหยียดกล้ามเนื้อข้อมืออย่างสม่ำเสมอ และการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อมือก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงได้
สรุปบทความ
เอ็นข้อมืออักเสบ เป็นภาวะที่สร้างความเจ็บปวดและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมาก การเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และวิธีการรักษาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพข้อมือได้อย่างถูกวิธี
หากคุณกำลังประสบปัญหาปวดหัวเข่า หรือมีอาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับข้อต่ออื่น ๆ เช่น อาการปวดเข่าในวัยรุ่น ข้อเสื่อมจากอายุ การใช้งานหนักจนลุกนั่งลำบาก บวม หรือลงน้ำหนักไม่ได้ และกำลังมองหาคลินิกกระดูกและข้อที่เชี่ยวชาญ และต้องการทางเลือกการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด KLOSS Wellness Clinic คือคำตอบ เราพร้อมดูแลคุณอย่างเข้าใจ ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางมากประสบการณ์กว่า 30 ปี และแนวทางการรักษาแบบองค์รวมที่เน้นการฟื้นฟูโดยไม่ใช้ยาเคมี และไม่เน้นการผ่าตัด เพื่อให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ และทำกิจกรรมที่คุณรักได้อย่างเต็มที่