ปวดเข่าจากการออกกำลังกาย เกิดจากอะไร อันตรายไหม พร้อมวิธีดูแล

ปวดเข่าจากการออกกำลังกายเกิดจากอะไร

อาการปวดเข่าจากการเล่นกีฬา หรือปวดเข่า ออกกำลังกาย เป็นปัญหาที่พบบ่อยในกลุ่มคนรักสุขภาพ ตั้งแต่นักกีฬามืออาชีพไปจนถึงมือสมัครเล่น อาการปวดเข่าที่เกิดขึ้นอาจเป็นสัญญาณเตือนของการบาดเจ็บที่ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี หากปล่อยทิ้งไว้อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจสาเหตุของอาการปวดเข่า พร้อมแนวทางการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง ปวดเข่าจากการออกกำลังกายเกิดจากอะไร อาการปวดเข่า ออกกำลังกาย สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้งานข้อเข่าอย่างไม่เหมาะสม หรือการเตรียมความพร้อมของร่างกายที่ไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้อเข่าต้องรับภาระหนักเกินไปจนเกิดการบาดเจ็บ ไม่ยืดเหยียดก่อนและหลังออกกำลังกาย การวอร์มอัพและคูลดาวน์เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก การไม่ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นก่อนออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อและเอ็นยังไม่พร้อมใช้งานและขาดความยืดหยุ่น จึงเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย ส่วนหลังการออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะหดเกร็งตัว หากไม่มีการยืดเหยียดเพื่อคลายกล้ามเนื้อ อาจทำให้เกิดอาการปวดและตึงค้างได้ ออกกำลังกายหักโหมเกินไป การออกกำลังกายที่หักโหมจนเกินไป เช่น การเพิ่มระยะทางหรือความเร็วในการวิ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต้นขาและหัวเข่าต้องทำงานหนักจนเกิดอาการล้า การที่ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บสะสม และทำให้เกิดอาการปวดเข่าจากการเล่นกีฬาได้ง่ายขึ้น ออกกำลังกายหนักหรือรุนแรงเกินไป การออกกำลังกายที่ใช้แรงหรือน้ำหนักมากเกินไป เช่น การยกเวทหรือทำสควอชด้วยน้ำหนักที่เกินพอดี ทำให้ข้อเข่าต้องแบกรับแรงกดมหาศาล ส่งผลให้เกิดความเครียดและแรงกระแทกบริเวณข้อเข่าและลูกสะบ้ามากเกินไป จนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บและอาการ ปวดเข่าจากการออกกำลังกาย ตามมา ออกกำลังกายผิดท่า การออกกำลังกายด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น การจัดระเบียบร่างกายที่ไม่เหมาะสมขณะทำสควอชหรือการวิ่ง ทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนต้องทำงานหนักเกินความจำเป็น ในขณะที่กล้ามเนื้อส่วนอื่นไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ และนำไปสู่การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเอ็นรอบหัวเข่า เกิดอุบัติเหตุขณะออกกำลังกาย อุบัติเหตุเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเฉียบพลันบริเวณข้อเข่า เช่น การหกล้ม การบิดหมุนหัวเข่าอย่างกะทันหัน […]

อาการเข่าชา หัวเข่าชา เกิดจากอะไร อันตรายไหม มีวิธีรักษาอย่างไร

อาการเข่าชา คืออะไร

อาการชาที่หัวเข่าไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่คิด ไม่ว่าคุณจะเป็นนักกีฬาหรือทำงานในออฟฟิศก็มีโอกาสเผชิญปัญหานี้ได้ อาการชาอาจเป็นผลจากการใช้งานข้อเข่าหนักเกินไป หรืออาจเป็นสัญญาณของโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกระดูก เรามาดูกันว่าอาการเข่าชา หัวเข่าชา เกิดจากอะไรและจะรับมืออย่างไรให้ถูกต้อง อาการเข่าชา หัวเข่าชา คืออะไร อาการชาเข่า หรือชาหัวเข่า คืออาการที่เราสูญเสียความรู้สึกบริเวณหัวเข่า ซึ่งอาจเกิดขึ้นชั่วขณะหรือเป็นต่อเนื่อง โดยมักเกิดร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ปวดเสียว หรือรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทง บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้ออ่อนแรงจนไม่สามารถลงน้ำหนักได้ อาการเหล่านี้บ่งชี้ถึงความผิดปกติของระบบประสาทหรือการไหลเวียนโลหิตที่ไม่ดี อาการเข่าชาเกิดจากอะไร อาการเข่าชา สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางอย่างไม่รุนแรงแต่บางอย่างก็เป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลอย่างจริงจัง สาเหตุเหล่านี้อาจมาจากการใช้งานหนัก การขาดสารอาหาร หรือแม้แต่โรคประจำตัวบางชนิด ขาดวิตามินบี วิตามินบีมีบทบาทสำคัญในการบำรุงและซ่อมแซมระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากร่างกายขาดวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 12 อาจส่งผลให้เส้นประสาทส่วนปลายทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการชาเข่า ปลายมือปลายเท้าได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้มีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย จึงควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบีอย่างสม่ำเสมอ การกดทับเส้น การอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เช่น นั่งไขว่ห้าง นั่งพับเพียบ หรือนั่งยอง ๆ อาจทำให้เส้นประสาทและหลอดเลือดบริเวณเข่าถูกกดทับจนเลือดไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้เกิดอาการชาหรือเป็นเหน็บชาได้ การเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ หรือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงจากการกดทับเส้นได้ โรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดภาวะเส้นประสาทเสื่อมหรือปลายประสาทอักเสบ […]

ไตวายระยะสุดท้ายอยู่ได้นานไหม อยู่ได้กี่ปี พร้อมคำแนะนำการรักษาที่เหมาะสม

โรคไตระยะ 5 คืออะไร

เมื่อไตเข้าสู่ระยะสุดท้าย หลายคนอาจมีคำถามที่ค้างคาใจว่า ไตวายระยะสุดท้ายอยู่ได้นานไหม และผู้ป่วยจะอยู่ได้กี่ปี บทความนี้จะให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับ โรคไตระยะ 5 ตั้งแต่ลักษณะของโรค อาการที่แสดงออก ไปจนถึงปัจจัยที่มีผลต่ออายุขัยและทางเลือกการรักษา เพื่อให้คุณเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างมั่นใจ โรคไตระยะ 5 คืออะไร โรคไตระยะ 5 หรือที่เรียกว่า End-Stage Renal Disease (ESRD) เป็นระยะสุดท้ายของ โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) ซึ่งเป็นภาวะที่ไตเสื่อมสภาพอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ โดยอัตราการกรองของไตลดลงเหลือไม่ถึง 15% ของการทำงานปกติ ส่งผลให้ไตไม่สามารถกรองของเสีย ควบคุมสมดุลของน้ำ แร่ธาตุ และผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อร่างกายได้อีกต่อไป ทำให้มีของเสียสะสมในเลือดจนกระทบต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ผู้ป่วยในระยะนี้จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาเพื่อทดแทนการทำงานของไตอย่างเร่งด่วน สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด โรคไตระยะ 5 ได้แก่ โรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี โรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษา การอักเสบของไตเรื้อรัง และโรคนิ่วในไตที่ทำให้เกิดการอุดตันหรือติดเชื้อรุนแรง อาการของโรคไตระยะ 5 โรคไตระยะ 5 เป็นภาวะที่การทำงานของไตลดลงอย่างมาก อาการในระยะนี้มักรุนแรงและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยอย่างมาก โดยอาการที่พบได้ในระยะนี้มีความหลากหลาย ดังนี้ อาการเนื่องจากมีของเสียสะสมในร่างกาย […]

ไตเสื่อมระยะ 3 อันตรายไหม รู้จักระยะความรุนแรงของโรคไต

โรคไตวายคืออะไร

ไตเสื่อมระยะ 3 อันตรายไหม? หลายคนอาจกังวลเมื่อได้ยินคำนี้ เพราะไตเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย การเข้าใจถึงภาวะ ไตวาย และความรุนแรงในแต่ละระยะ จะช่วยให้เราดูแลสุขภาพได้อย่างทันท่วงที บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับโรคไตอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างถูกต้อง ไตวายคืออะไร ไตวาย คือภาวะที่ไตสูญเสียความสามารถในการทำงานลดลงจากสาเหตุต่าง ๆ จนไม่สามารถรักษาสมดุลของเหลว สารน้ำ และแร่ธาตุต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ตามปกติ ส่งผลให้เกิดการคั่งของน้ำและของเสียในร่างกาย ภาวะ ไตวาย สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ไตวายเรื้อรัง และ ไตวายเฉียบพลัน ซึ่งมีลักษณะการดำเนินโรคและแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน ไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease) ไตวายเรื้อรัง หมายถึงภาวะที่ไตค่อย ๆ เสื่อมการทำงานลงอย่างต่อเนื่องและยาวนาน มักใช้เกณฑ์คือความผิดปกติทางโครงสร้างหรือหน้าที่ของไตที่คงอยู่มากกว่า 3 เดือนขึ้นไป ภาวะนี้มักไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถชะลอความเสื่อมได้ด้วยการรักษาและดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Disease) ไตวายเฉียบพลัน คือภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานลงอย่างรวดเร็วและฉับพลัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายในเวลาเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันจากสาเหตุต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของไต ข้อดีคือ […]

เวียนหัว ความดันสูง วิธีแก้คืออะไร ถ้าไม่รักษาจะเกิดอะไรขึ้น?

คุณเคยรู้สึก เวียนหัว ความดันสูง ร่วมกับอาการอื่น ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ไหม? แล้วรู้หรือไม่ว่าภาวะนี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่คิด หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และที่สำคัญคือเวียนหัว ความดันสูง วิธีแก้มีอะไรบ้าง พร้อมผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากละเลย ปวดหัวจากความดันเกิดจากอะไร อาการปวดหัวที่เกิดจากความดันโลหิตสูง มักเป็นผลมาจากภาวะที่ความดันโลหิตอยู่ในระดับที่สูงผิดปกติ โดยทั่วไปคือค่าความดันโลหิตตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป เมื่อความดันในหลอดเลือดสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อหลอดเลือดในสมอง ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ รวมถึงอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามมาได้ อาการเป็นอย่างไร ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดงในระยะแรกเริ่ม ทำให้หลายคนละเลยและไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ แต่ในรายที่มีความดันโลหิตสูงมาก หรือเป็นมานาน อาจมีอาการต่าง ๆ ดังนี้ ปวดท้ายทอย ตึงที่ต้นคอ: เป็นอาการที่พบบ่อยและเป็นจุดสังเกตสำคัญของการปวดหัวจากความดัน เวียนศีรษะ: รู้สึกมึนงง โคลงเคลง คล้ายจะหน้ามืด ปวดศีรษะตุ้บ ๆ ปวดศีรษะเฉียบพลัน: อาการปวดอาจรุนแรงและเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ใจสั่น ชีพจรเต้นไม่เป็นจังหวะ: หัวใจเต้นผิดปกติหรือไม่สม่ำเสมอ นอนไม่หลับ: มีปัญหาในการนอนหลับพักผ่อน มือเท้าชา ตาพร่ามัว: อาจเกิดจากผลกระทบต่อระบบประสาทและหลอดเลือดเล็ก ๆ มีภาวะอัมพาต […]

โรคลิ้นหัวใจรั่วอันตรายไหม พร้อมแชร์แนวทางการรักษา

โรคลิ้นหัวใจรั่วอันตรายไหม พร้อมแชร์แนวทางการรักษา

โรคลิ้นหัวใจรั่วอันตรายไหม? คำถามนี้อาจผุดขึ้นในใจใครหลายคน เพราะนี่คืออีกหนึ่งภัยเงียบที่มักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ โรคลิ้นหัวใจรั่ว เพื่อให้คุณเข้าใจสาเหตุ อาการ แนวทางการรักษา และแนวทางการป้องกันได้อย่างแท้จริง โรคลิ้นหัวใจรั่วคืออะไร โรคลิ้นหัวใจรั่ว (Heart Valve Regurgitation) คือภาวะที่ลิ้นหัวใจซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดในหัวใจปิดไม่สนิท หรือมีรูรั่ว ทำให้เลือดบางส่วนไหลย้อนกลับไปยังห้องหัวใจเดิม การไหลย้อนกลับของเลือดนี้เองที่ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายให้เพียงพอ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โรคลิ้นหัวใจรั่วอันตรายไหม โรคลิ้นหัวใจรั่วอันตรายไหม? แน่นอนว่ามีความอันตรายและไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นที่ลิ้นหัวใจ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อวงจรการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย โรคลิ้นหัวใจรั่วจึงถือเป็นภัยเงียบ เนื่องจากมักไม่แสดงอาการที่ชัดเจนจนกว่าลิ้นหัวใจจะเกิดความเสียหายในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้มีเลือดคั่งในหัวใจมากขึ้น และนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว รวมถึงการเสียชีวิตเฉียบพลันได้ในที่สุด สาเหตุของโรคลิ้นหัวใจรั่ว โรคลิ้นหัวใจรั่ว พบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ แม้บางรายอาจมีความบกพร่องของเนื้อเยื่อลิ้นหัวใจมาแต่กำเนิด แต่ก็มีสาเหตุอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังได้เช่นกัน ลิ้นหัวใจเสื่อมตามอายุ เมื่อร่างกายเข้าสู่วัยสูงอายุ ความเสื่อมตามธรรมชาติเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมถึงลิ้นหัวใจด้วย อาจมีหินปูนมาเกาะบริเวณลิ้นหัวใจ ทำให้การเปิดและปิดของลิ้นหัวใจเกิดความผิดปกติ นำไปสู่ โรคลิ้นหัวใจรั่ว และ/หรือ โรคลิ้นหัวใจตีบตามมาได้ โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic Heart Disease) โรคหัวใจรูมาติกเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียStreptococcus กลุ่ม […]

โรคเก๊าท์เกิดจากอะไร ชวนรู้จักอาการ วิธีรักษาก่อนสายเกินแก้

โรคเก๊าท์เกิดจากอะไร ชวนรู้จักอาการ วิธีรักษาก่อนสายเกินแก้

คุณเคยตื่นขึ้นกลางดึกพร้อมอาการปวดข้อที่รุนแรงเฉียบพลัน บวมแดง และแสบร้อนคล้ายถูกไฟลวกหรือไม่? นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเก๊าท์ ภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ โรคเก๊าท์ อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่สาเหตุ อาการ ไปจนถึงวิธีบรรเทาอาการปวดเก๊าท์ และแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคุณ โรคเก๊าท์คืออะไร โรคเก๊าท์ คือหนึ่งในรูปแบบของโรคข้ออักเสบที่พบได้บ่อย เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แม้ส่วนใหญ่จะเกิดในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ผู้หญิงก็สามารถเป็นได้ โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน ผู้ป่วยโรคเก๊าท์มักมีอาการปวดข้อที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่วมกับอาการบวม แดง และร้อนบริเวณข้อต่อที่อักเสบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเริ่มที่ข้อนิ้วหัวแม่เท้าเป็นอันดับแรก แต่ก็สามารถเกิดกับข้ออื่น ๆ ได้เช่นกัน อาการของโรคเก๊าท์ อาการของโรคเก๊าท์มักจะมาแบบฉับพลัน ทำให้รู้สึกปวดข้ออย่างรุนแรงและเฉียบพลัน จนบางครั้งไม่สามารถทนแม้แต่แรงกดเพียงเล็กน้อยจากผ้าห่มได้ อาการปวดมักรุนแรงที่สุดในช่วง 4-12 ชั่วโมงแรกที่เริ่มมีอาการ ข้อที่อักเสบจะรู้สึกร้อนจัด บวม และผิวหนังบริเวณนั้นอาจมีสีแดงเข้มหรือแวววาว โดยทั่วไป อาการปวดข้อจากโรคเก๊าท์ อาจคงอยู่ได้ตั้งแต่ 2-3 วัน ไปจนถึง 2-3 สัปดาห์ ก่อนจะค่อย ๆ ทุเลาลงเองตามลำดับ อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาการกำเริบซ้ำในอนาคตมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้น และอาจเกิดขึ้นพร้อมกันในข้ออื่น ๆ เพิ่มเติมได้ […]

ปวดคอเกิดจากอะไร อันตรายไหม พร้อมวิธีบรรเทาอาการปวด

ปวดคอเกิดจากอะไร

อาการปวดคอเป็นปัญหาใกล้ตัวที่หลายคนมักละเลย คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ บทความนี้จะเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับ อาการปวดคอ พร้อมวิธีบรรเทาและสัญญาณอันตรายที่คุณควรรู้ อาการปวดคอเป็นอย่างไร ลักษณะโครงสร้างของคอประกอบด้วยกระดูกคอ 7 ชิ้นเรียงต่อกัน มีหมอนรองกระดูก เอ็น และกล้ามเนื้อยึดเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน ภายในกระดูกคอมีไขสันหลังและเส้นประสาทที่สำคัญ การเคลื่อนไหวของคอ ทั้งการก้ม เงย หรือหมุนหันศีรษะ ล้วนเกี่ยวข้องกับระบบนี้ เมื่อใดที่เกิดความผิดปกติขึ้น อาการปวดคอก็จะตามมาทันที สาเหตุที่ทำให้มีอาการปวดคอ อาการปวดคอเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ลองมาดูกันว่าอะไรบ้างที่ส่งผลให้คุณมี อาการปวดคอ กระดูกต้นคอเสื่อม: เป็นผลจากอายุที่เพิ่มขึ้น และการใช้งานคออย่างหนักในบางอาชีพ เช่น ผู้ที่ทำงานที่ต้องยกของหนัก หรือมีท่วงท่าการทำงานที่ไม่ถูกต้อง การมีประวัติบาดเจ็บที่บริเวณคอ: ไม่ว่าจะเป็นเอ็น กล้ามเนื้อ หรือหมอนรองกระดูกบริเวณรอบคอที่เคยมีประวัติอุบัติเหตุมาก่อน เช่น การประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ อาจส่งผลให้เกิด อาการปวดคอ เรื้อรังในภายหลังได้ รวมถึงภาวะหมอนรองกระดูกแตกหรือเคลื่อนกดทับเส้นประสาท กล้ามเนื้อรอบข้อต่อมีการอักเสบ: อาจเกิดจากการอักเสบในผู้ป่วยโรคข้อ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เกาต์ หรือเกิดจากการติดเชื้อบริเวณกระดูกสันหลัง การใช้งานคอหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผิดสุขลักษณะ: การนอนศีรษะผิดท่า การทำงานที่ต้องก้ม ๆ […]

รวมวิธีรักษาออฟฟิศซินโดรมที่คนวัยทำงานควรรู้

รวมวิธีรักษาออฟฟิศซินโดรมที่คนวัยทำงานควรรู้

คุณคือหนึ่งในคนวัยทำงานที่กำลังประสบกับอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หรือปวดร้าวขึ้นศีรษะอยู่ใช่ไหม? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ “ออฟฟิศซินโดรม” โรคยอดฮิตของคนวัยทำงาน บทความนี้จาก KLOSS Wellness Clinic จะรวมวิธีรักษาออฟฟิศซินโดรมที่คนวัยทำงานควรรู้ พร้อมแนวทางการป้องกัน เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นกลุ่มอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นกับมนุษย์วัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ หรือมีพฤติกรรมการนั่งที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้ออยู่ในสภาวะเกร็งตัวต่อเนื่องโดยไม่มีการผ่อนคลาย นอกจากนี้ การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่เหมาะสม รวมถึงความเครียดจากการทำงานหนัก ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรม หากไม่ได้รับการบำบัดรักษาหรือป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพในระยะยาวได้ อาการออฟฟิศซินโดรม อาการของออฟฟิศซินโดรมมีความหลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและตำแหน่งที่ได้รับผลกระทบ โดยอาการที่พบบ่อยได้แก่ ปวด ตึง หรือเมื่อยล้ากล้ามเนื้อเฉพาะส่วน: มักพบที่บริเวณต้นคอ บ่า ไหล่ หลัง และสะบัก ปวดร้าวไปบริเวณใกล้เคียง: อาจมีอาการปวดร้าวขึ้นศีรษะ ปวดกระบอกตา ตาพร่ามัว หูอื้อ หรือปวดร้าวลงขาได้ อาการเกี่ยวกับระบบประสาท: เช่น เหน็บชา มือชา นิ้วชา […]

ปวดกล้ามเนื้อเกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร รู้จักสาเหตุและวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง

ปวดกล้ามเนื้อเกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร รู้จักสาเหตุและวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง

รู้สึกปวดกล้ามเนื้อ ไม่สบายตัว กล้ามเนื้อเกร็ง หรือเป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือไม่? อาการเหล่านี้เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่บางครั้งก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่สำคัญได้ บทความนี้จาก KLOSS Wellness Clinic จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าปวดกล้ามเนื้อเกิดจากอะไร มีอาการเป็นอย่างไร และมีวิธีรับมือ รวมถึงวิธีการรักษาอย่างถูกต้องอย่างไรบ้าง ปวดกล้ามเนื้อ คืออะไร ปวดกล้ามเนื้อ (Muscle Pain หรือ Myalgia) คืออาการเจ็บปวด หรือไม่สบายตัวที่เกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือหลายส่วนของร่างกาย ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บ การใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป การติดเชื้อ หรือเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อาการปวดกล้ามเนื้อสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และมีความรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางครั้งอาจเป็นการปวดแบบชั่วคราว หรืออาจเป็นอาการเรื้อรังที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ ผู้ที่เริ่มออกกำลังกายรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน อาจพบอาการปวดระบมกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย (Delayed-onset muscle soreness: DOMS) ซึ่งโดยทั่วไปจะมีอาการประมาณ 6-12 ชั่วโมงหลังออกกำลังกาย และอาจปวดนานถึง 48 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่กล้ามเนื้อกำลังซ่อมแซมตัวเอง อาการปวดกล้ามเนื้อ อาการของปวดกล้ามเนื้อมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง โดยอาการที่พบได้บ่อยมีดังนี้ ปวดระบมกล้ามเนื้อ: รู้สึกตึง เจ็บ […]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
LOGO KLOSS WELLNESS CLINIC

BOOKING

 กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
กรุณาเลือก Promotions ที่คุณสนใจ
*** สงวนสิทธิ์ 1 คน / 1 สิทธิ์