เคยสงสัยไหมว่าทำไม อาการปวดเข่าในวัยรุ่น ถึงเกิดขึ้นได้บ่อย ทั้งที่ยังเป็นวัยที่กระดูกและข้อควรจะแข็งแรงสมบูรณ์? หลายคนอาจคิดว่าปวดเข่าข้างเดียว หรือปวดเข่าเล็กน้อยในวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ และอาจหายไปเอง แต่ความจริงแล้ว การละเลยอาการปวดเข่าในวัยรุ่น อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ การทำความเข้าใจสาเหตุและวิธีดูแลที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ทำไมวัยรุ่นเริ่มมีอาการปวดเข่า
การเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงวัยรุ่น ทั้งการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การทำกิจกรรมที่หนักขึ้น และพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาการปวดเข่าในวัยรุ่นเริ่มปรากฏขึ้น การรับรู้ถึงสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถดูแลและป้องกันปัญหาสุขภาพข้อเข่าของวัยรุ่นได้อย่างเหมาะสม
อาการปวดเข่าในวัยรุ่นเกิดจากอะไร
อาการปวดเข่าในวัยรุ่น มีสาเหตุได้หลายปัจจัย ทั้งจากโรคประจำตัวที่อาจแสดงอาการในช่วงวัยนี้ และจากการใช้งานข้อเข่าในชีวิตประจำวันที่มากเกินไปหรือผิดวิธี การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้วินิจฉัยและดูแลได้ตรงจุด
โรคประจำตัว
โรคประจำตัว
แม้จะเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่โรคข้อเข่าเสื่อมก็สามารถเกิดขึ้นในวัยรุ่นได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่เคยได้รับบาดเจ็บที่ข้อเข่ามาก่อน หรือมีความผิดปกติของข้อเข่าตั้งแต่กำเนิด ซึ่งนำไปสู่การสึกหรอของกระดูกอ่อนที่หุ้มข้อเข่าก่อนวัยอันควร ทำให้เกิด อาการปวดเข่าในวัยรุ่น และอาจมีเข่าบวมร่วมด้วย
โรคปุ่มกระดูกหน้าแข้งอักเสบ (Osgood-Schlatter Disease)
โรคนี้มักพบในวัยรุ่นที่มีการเจริญเติบโตของกระดูกอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มนักกีฬา เกิดจากการอักเสบของเอ็นใต้กระดูกสะบ้าที่เกาะกับกระดูกหน้าแข้ง ทำให้เกิดก้อนนูนและมีอาการ ปวดหัวเข่า บริเวณใต้ลูกสะบ้า โดยเฉพาะเวลาวิ่ง กระโดด หรือคุกเข่า โรคนี้เป็นสาเหตุสำคัญของ อาการปวดเข่าในวัยรุ่น ที่ไม่ควรมองข้าม
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ แม้จะพบได้น้อยในวัยรุ่น แต่ก็มีบางรายที่เริ่มแสดงอาการตั้งแต่อายุน้อย ทำให้เกิดการอักเสบ ปวด บวม และฝืดตึงตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย รวมถึง อาการปวดเข่าในวัยรุ่น ด้วย หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้กระดูกและเอ็นรอบข้อถูกทำลาย และนำไปสู่ความพิการได้ แต่โดยปกติจะพบที่ข้อมือ ข้อนิ้วมือ และข้อนิ้วเท้าเป็นส่วนมาก และมีอักเสบของข้อในตำแหน่งเดียวกันทั้งสองข้างของร่างกาย
โรคข้ออักเสบติดเชื้อจากเชื้อแบคทีเรีย (Septic Arthritis)
เป็นภาวะติดเชื้อแบคทีเรียภายในข้อเข่า ทำให้เกิดการอักเสบและมีของเหลวคั่งค้างในข้อ ส่งผลให้มีอาการ ปวดหัวเข่า อย่างรุนแรง มีเข่าบวม แดง ร้อน และเคลื่อนไหวข้อได้ยาก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ข้อเสียรูปถาวร การติดเชื้อนี้อาจมาจากบริเวณอื่นของร่างกายและแพร่กระจายมาที่ข้อเข่า
โรคผิวกระดูกอ่อนลูกสะบ้าเข่าอักเสบ (Patella Chondromalacia)
เกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนใต้ลูกสะบ้า ทำให้ผิวกระดูกอ่อนกิดการอ่อนตัว สึกกร่อน และเสื่อมสภาพลงะ ส่งผลให้เกิด อาการปวดเข่าในวัยรุ่น บริเวณด้านหน้าของเข่า โดยเฉพาะเมื่อนั่งนาน ๆ เดินขึ้นลงบันได หรือทำกิจกรรมที่ต้องงอเข่า อาการมักจะแย่ลงเมื่อมีการใช้งานเข่ามากขึ้น และอาจได้ยินเสียงกรอบแกรบเมื่อเคลื่อนไหว
โรคถุงน้ำหน้าลูกสะบ้าอักเสบ (Prepatellar Bursitis)
โรคนี้เกิดจากการอักเสบของถุงน้ำ (bursa) ที่อยู่ด้านหน้าของลูกสะบ้า ทำหน้าที่ลดแรงเสียดทาน ทำให้เกิดอาการ ปวดหัวเข่า บวม และแดงบริเวณด้านหน้าเข่า โดยเฉพาะเมื่อกดทับหรือคุกเข่า การทำกิจกรรมที่ต้องคุกเข่าบ่อย ๆ เป็นสาเหตุสำคัญของโรคนี้ในวัยรุ่น
โรคถุงน้ำที่เอ็นประคองเข่าอักเสบ (Pes anserine bursitis)
โรคนี้เกิดจากการอักเสบของถุงน้ำที่อยู่บริเวณด้านในของเข่า ใต้จุดที่เอ็นกล้ามเนื้อต้นขาด้านในสามมัดมาเกาะ ทำให้เกิดอาการปวดเข่าข้างเดียว และเข่าบวมบริเวณด้านในของเข่า โดยเฉพาะเวลาขึ้นบันได ลุกจากท่านั่ง หรือเมื่อยืดเหยียดขา พบบ่อยในนักกีฬาและผู้ที่มีกิจกรรมที่ต้องใช้เข่าซ้ำ ๆ
การใช้งาน
การบาดเจ็บ
การบาดเจ็บเป็นสาเหตุหลักของ อาการปวดเข่าในวัยรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มนักกีฬา อาจเกิดจากการเล่นกีฬา การประสบอุบัติเหตุ หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวผิดท่าอย่างกะทันหัน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการฉีกขาดของหมอนรองเข่า การสึกกร่อนของกระดูกอ่อน เอ็นข้อเข่า หรือกล้ามเนื้อบริเวณรอบเข่าฉีกขาด หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาการปวดเข่าในวัยรุ่น ก็อาจทวีความรุนแรงขึ้นได้
การใช้งานหนัก
ในบางกิจกรรมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวของข้อเข่ามากเกินไป เช่น การเล่นกีฬาบางประเภทบาสเกตบอล แบดมินตัน ฟุตบอล การเต้น หรือแม้แต่การยืนเป็นเวลานาน ๆ อาจก่อให้เกิดแรงกระแทกบริเวณข้อเข่ามากจนเกินไป ซึ่งจะนำไปสู่ อาการปวดเข่าในวัยรุ่น และการอักเสบได้ การวิ่งทางไกลหรือการกระโดดซ้ำ ๆ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิด อาการปวดเข่าในวัยรุ่น ได้เช่นกัน
การนั่งผิดท่า
การนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นประจำ หรือท่านั่งเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน เช่น การนั่งยอง ๆ นั่งคุกเข่า นั่งพับเพียบ หรือนั่งขัดสมาธิ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณขา รวมถึงเอ็นและข้อต่าง ๆ ต้องทำงานหนัก ซึ่งภาวะดังกล่าวอาจนำไปสู่ อาการปวดเข่าในวัยรุ่น การอักเสบ และในระยะยาวอาจเกิดการเสียหายแก่โครงสร้างของข้อเข่าได้
การสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะสม
การสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับรูปเท้า น้ำหนักตัว และกิจกรรมที่ทำ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด อาการปวดเข่าในวัยรุ่น เพราะรองเท้าที่สวมใส่ไม่พอดี หรือมีพื้นรองเท้าที่ไม่นุ่ม รับแรงกระแทกได้น้อยหรือยืดหยุ่นไม่เพียงพอ ทำให้การกระจายน้ำหนักตัวลงบนข้อเข่าไม่สม่ำเสมอ เกิดแรงกดทับบนข้อเข่ามากเกินไป นำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวด การบาดเจ็บ และการสึกหรอของกระดูกอ่อนที่รองรับน้ำหนัก รวมถึงอาจทำให้ปวดข้อเท้าร่วมด้วย
วิธีป้องกันอาการปวดเข่า
การป้องกันอาการปวดเข่าในวัยรุ่นเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การดูแลและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงและคงสภาพความแข็งแรงของข้อเข่าให้วัยรุ่นสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่
- หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ: วัยรุ่นควรระมัดระวังในการเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงต่อการบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า หากมีอาการเข่าบวม หรือปวด ควรหยุดพักและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันที
- ออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ: เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อรอบเข่า แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับวัย และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักจนเกินไป การ กายภาพบำบัด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพกก็มีส่วนช่วยได้มาก
- ควบคุมน้ำหนัก: การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะน้ำหนักตัวที่เหมาะสมจะช่วยลดแรงกดทับที่กระทำต่อข้อเข่า ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดเข่าในวัยรุ่นได้
- เลือกสวมรองเท้าที่เหมาะสม: สวมใส่รองเท้าที่นุ่มสบาย มีการรองรับแรงกระแทกและน้ำหนักได้ดี เพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่ส่งผ่านไปยังข้อเข่าขณะเดินหรือทำกิจกรรม การเลือกประเภทรองเท้าให้เหมาะสมกับกีฬาที่เล่นก็เป็นสิ่งสำคัญ
- ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ: ทำการยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ ทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกาย ช่วยคลายความตึงของกล้ามเนื้อ ลดอาการปวด และทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างสบายตัว รวมถึงลดโอกาสเกิดรองช้ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อการลงน้ำหนักที่เท้าและเข่า
- ปรับท่าทางการนั่งและยืน: ฝึกท่านั่งและท่ายืนให้ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อลดแรงกดทับที่ไม่จำเป็นบนข้อเข่า หลีกเลี่ยงการนั่งยอง ๆ นั่งคุกเข่า การนั่งพับเพียบ หรือการนั่งขัดสมาธิเป็นเวลานาน
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
แม้อาการปวดเข่าในวัยรุ่นหลายกรณีจะสามารถบรรเทาได้ด้วยการพักผ่อนและการดูแลตนเองเบื้องต้น แต่ก็มีสัญญาณอันตรายบางอย่างที่เราไม่ควรมองข้าม หากวัยรุ่นมีอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะพักผ่อนแล้ว มีอาการเข่าบวมแดง ร้อน ร่วมกับการปวด เดินหรือลงน้ำหนักไม่ได้ มีไข้ร่วมกับอาการปวดเข่า หรือมีอาการปวด ปวดเข่าข้างเดียวที่ไม่หายไป ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว
สรุปบทความ
อาการปวดเข่าในวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องที่ควรละเลย เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ต้องการการดูแล การทำความเข้าใจสาเหตุ ทั้งจากโรคประจำตัวและการใช้งาน รวมถึงการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต จะช่วยให้วัยรุ่นสามารถดูแลข้อเข่าได้อย่างเหมาะสม
หากคุณหรือคนรอบตัวกำลังเผชิญกับอาการปวดเข่าในวัยรุ่น เรื้อรัง มีเข่าบวม ลงน้ำหนักไม่ได้ ปวดเข่าข้างเดียว หรือมีอาการรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต อย่าปล่อยทิ้งไว้ KLOSS Wellness Clinic คือคลินิกกระดูกและข้อ ที่พร้อมดูแลปัญหาข้อเข่าของคุณ เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ยาวนาน และความเชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัด รวมถึงการรักษาแบบไม่ผ่าตัด เราเข้าใจถึงปัญหาของข้อเข่าในทุกช่วงวัย และพร้อมวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และปราศจากความเจ็บปวด