คุณกำลังรู้สึกเหมือนมีเข็มเล็ก ๆ ทิ่มแทง หรือรู้สึกเหมือนมีเหน็บชาที่ปลายนิ้วชาอยู่หรือไม่? อาการชาเหล่านี้ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทและกระดูก ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิตในระยะยาว บทความนี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุของอาการปลายนิ้วชา และให้ข้อมูลว่าอาการแบบไหนที่ถือเป็นสัญญาณอันตราย
ปลายนิ้วชาอาการเป็นอย่างไร
อาการปลายนิ้วชา คือความรู้สึกผิดปกติที่เกิดขึ้นที่นิ้วมือ ซึ่งคนไข้อาจมีความรู้สึกว่านิ้วมือ หนาขึ้น สัมผัสแล้วมีความรู้สึกน้อยลง หรือมีอาการคล้าย เป็นเหน็บ รู้สึกยิบ ๆ หรือแสบ ๆ เหมือนมีเข็มทิ่มแทง อาการเหล่านี้บ่งชี้ถึงความผิดปกติของเส้นประสาทรับความรู้สึกที่ส่งไปยังปลายนิ้วชา ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือเป็นต่อเนื่อง และมักพบในผู้ที่ใช้งานมือในท่าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน
อาการปลายนิ้วชา เกิดจากอะไร
อาการปลายนิ้วชา มักเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทรับความรู้สึกที่ถูกกดทับตามบริเวณต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นคอ ข้อศอก ไปจนถึงข้อมือ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องใช้มือและแขนอย่างหนัก
การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือหรือฝ่ามือ
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือภาวะเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome) ซึ่งเกิดจากการใช้งานมือซ้ำ ๆ เช่น การพิมพ์คีย์บอร์ด หรือการจับโทรศัพท์เป็นเวลานาน ทำให้เส้นเอ็นเกิดการอักเสบ บวม และไปกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ จนทำให้เกิดอาการปลายนิ้วชา
การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อศอก
อาการปลายนิ้วชา อาจเกิดจากการถูกกดทับเส้นประสาทบริเวณด้านในของข้อศอก (Cubital Tunnel Syndrome) ซึ่งมักเกิดจากการงอข้อศอกค้างไว้เป็นเวลานาน เช่น การงอแขนเพื่อคุยโทรศัพท์ หรือการวางศอกผิดท่าขณะทำงาน
การกดทับรากประสาทบริเวณกระดูกต้นคอ
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปลายนิ้วชา คือการกดทับรากประสาทที่บริเวณกระดูกต้นคอ ซึ่งอาจเกิดจากการก้มคอเล่นโทรศัพท์ หรือใช้คอมพิวเตอร์ในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน จนทำให้กระดูกต้นคอเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกคอเคลื่อนไปกดเบียดรากประสาท
อาการปลายนิ้วชาแต่ละนิ้ว แตกต่างกันไหม
อาการปลายนิ้วชาที่เกิดขึ้นในนิ้วต่าง ๆ นั้นสามารถบ่งบอกถึงตำแหน่งของเส้นประสาทที่ถูกกดทับได้ เนื่องจากเส้นประสาทแต่ละเส้นจะไปเลี้ยงนิ้วที่แตกต่างกัน
อาการชาปลายนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือนิ้วนางครึ่งหนึ่ง
อาการชาในกลุ่มนิ้วเหล่านี้มักเป็นสัญญาณของการกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือหรือฝ่ามือ (Median Nerve) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้นิ้วมือมากเป็นพิเศษ หรือเกิดจากการกดทับของรากประสาทที่คอจากภาวะกระดูกคอเสื่อม
อาการชาปลายนิ้วนาง นิ้วก้อย
หากมีอาการชาที่นิ้วนางและนิ้วก้อย มักบ่งชี้ถึงปัญหาการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อศอก (Ulnar Nerve) เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เส้นประสาทนี้ทอดผ่าน หรืออาจเป็นผลมาจากการกดทับรากประสาทที่กระดูกต้นคอได้เช่นกัน
อาการปลายนิ้วชาแบบไหนที่ควรพบแพทย์
แม้ว่าอาการปลายนิ้วชาอาจไม่ได้อันตรายเสมอไป แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
- อาการชาเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จนรบกวนการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน
- อาการชาหนักจนรบกวนการนอนหลับ ทำให้ต้องตื่นกลางดึกหรือตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการชาที่รุนแรง
- เริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อมืออ่อนแรง กำมือไม่ถนัด หรือจับของแล้วหลุดมือบ่อยครั้ง
- มีอาการปวดร้าวหรือชาไปถึงแขนและคอร่วมด้วย หรือหากมีอาการชาปลายนิ้วเท้าเกิดจากอะไร ร่วมด้วย
วิธีรักษาอาการปลายนิ้วชา
การรักษาอาการปลายนิ้วชา นั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของการกดทับเส้นประสาท โดยแพทย์จะพิจารณาแนวทางรักษาจากเบาไปหาหนัก
รักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
หากอาการชาอยู่ในระยะเริ่มต้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานมือ แขน และคอ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้ป่วยควรรับทราบว่ามีปัญหาจากการใช้ท่าทางใด และปรับลดการใช้งานมือในท่าทางที่ทำให้เกิดการกดทับ เช่น หลีกเลี่ยงการงอข้อมือหรือข้อศอกค้างไว้นาน ๆ และควรพักการใช้งานเป็นระยะ
รักษาด้วยการกินยา
แพทย์อาจพิจารณาให้ยาแก้อักเสบเพื่อลดการอักเสบบริเวณเส้นเอ็นและเส้นประสาทที่ถูกกดทับ รวมถึงอาจให้วิตามินบำรุงเส้นประสาทที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของเส้นประสาทที่เสียหายให้กลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
รักษาด้วยการใส่ที่ดามข้อมือ
การใส่ที่ดามข้อมือ (Wrist Splint) มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการชาจากภาวะเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณข้อมือ อุปกรณ์นี้จะช่วยจัดตำแหน่งข้อมือให้อยู่ในท่าที่เป็นกลาง (Neutral Position) ซึ่งเป็นการลดการกดทับเส้นประสาทโดยตรง และยังช่วยจำกัดการใช้งานข้อมือไปในตัว โดยเฉพาะในเวลากลางคืนเพื่อป้องกันอาการชาที่รบกวนการนอนหลับ
รักษาด้วยการผ่าตัด
การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดจะถูกพิจารณาในกรณีที่การรักษาแบบอื่น ๆ ไม่ได้ผล หรือเมื่ออาการของผู้ป่วยรุนแรงมาก เช่น มีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน การผ่าตัดจะช่วยลดการกดทับเส้นประสาทได้อย่างถาวร และช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
สรุปบทความ
อาการปลายนิ้วชา อาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างที่คิด เพราะมักเป็นสัญญาณของการกดทับเส้นประสาท ซึ่งหากปล่อยไว้อาจนำไปสู่การอ่อนแรงของกล้ามเนื้อได้ การทำความเข้าใจสาเหตุและการรีบรักษาอย่างทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณกำลังมีอาการปวดเข่าเรื้อรัง ไม่อยากผ่าตัด มีข้อเสื่อมจากอายุ หรือใช้งานหนัก ลุกนั่งลำบาก เข่าบวม หรือลงน้ำหนักไม่ได้ ลองปรึกษา KLOSS Wellness Clinic เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและกล้ามเนื้อ พร้อมดูแลสุขภาพองค์รวมของคุณด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อการฟื้นฟูที่ยั่งยืน
คำถามที่พบบ่อย
อาการปลายนิ้วชาแบบไหนที่บ่งบอกถึงโรคร้ายแรงที่ควรรีบพบแพทย์?
อาการปลายนิ้วชาที่มีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย ชาตลอดเวลา หรือมีอาการชาที่รุนแรง และไม่ดีขึ้นเลยหลังการดูแลตัวเองเบื้องต้น บ่งบอกถึงความเสียหายของเส้นประสาทที่ควรรีบพบแพทย์
อาการปลายนิ้วชาเกิดจากสาเหตุทั่วไปใดได้บ้าง?
สาเหตุทั่วไปที่ทำให้ปลายนิ้วชา มักเกิดจากการอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เช่น นอนทับแขน หรือการใช้ข้อมือและข้อศอกในท่างอหรือกระดกซ้ำ ๆ จนเกิดการกดทับเส้นประสาท
โรคประจำตัวใดบ้างที่ทำให้อาการปลายนิ้วชากำเริบ
โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ และภาวะไตเสื่อมระยะ3 อันตรายไหม ล้วนสามารถส่งผลให้เกิดปลายประสาทอักเสบ ซึ่งทำให้อาการปลายนิ้วชากำเริบและรุนแรงขึ้นได้