อาการปลายนิ้วชา

อาการปลายนิ้วชาเกิดจากอะไร อันตรายไหม คือสัญญาณเตือนโรคอะไรบ้าง

Facebook

คุณกำลังรู้สึกเหมือนมีเข็มเล็ก ๆ ทิ่มแทง หรือรู้สึกเหมือนมีเหน็บชาที่ปลายนิ้วชาอยู่หรือไม่? อาการชาเหล่านี้ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทและกระดูก ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิตในระยะยาว บทความนี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุของอาการปลายนิ้วชา และให้ข้อมูลว่าอาการแบบไหนที่ถือเป็นสัญญาณอันตราย

ปลายนิ้วชาอาการเป็นอย่างไร

อาการปลายนิ้วชา คือความรู้สึกผิดปกติที่เกิดขึ้นที่นิ้วมือ ซึ่งคนไข้อาจมีความรู้สึกว่านิ้วมือ หนาขึ้น สัมผัสแล้วมีความรู้สึกน้อยลง หรือมีอาการคล้าย เป็นเหน็บ รู้สึกยิบ ๆ หรือแสบ ๆ เหมือนมีเข็มทิ่มแทง อาการเหล่านี้บ่งชี้ถึงความผิดปกติของเส้นประสาทรับความรู้สึกที่ส่งไปยังปลายนิ้วชา ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือเป็นต่อเนื่อง และมักพบในผู้ที่ใช้งานมือในท่าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน

อาการปลายนิ้วชา เกิดจากอะไร

อาการปลายนิ้วชา เกิดจาก

อาการปลายนิ้วชา มักเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทรับความรู้สึกที่ถูกกดทับตามบริเวณต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นคอ ข้อศอก ไปจนถึงข้อมือ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องใช้มือและแขนอย่างหนัก

การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือหรือฝ่ามือ

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือภาวะเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome) ซึ่งเกิดจากการใช้งานมือซ้ำ ๆ เช่น การพิมพ์คีย์บอร์ด หรือการจับโทรศัพท์เป็นเวลานาน ทำให้เส้นเอ็นเกิดการอักเสบ บวม และไปกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ จนทำให้เกิดอาการปลายนิ้วชา

การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อศอก

อาการปลายนิ้วชา อาจเกิดจากการถูกกดทับเส้นประสาทบริเวณด้านในของข้อศอก (Cubital Tunnel Syndrome) ซึ่งมักเกิดจากการงอข้อศอกค้างไว้เป็นเวลานาน เช่น การงอแขนเพื่อคุยโทรศัพท์ หรือการวางศอกผิดท่าขณะทำงาน

การกดทับรากประสาทบริเวณกระดูกต้นคอ

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปลายนิ้วชา คือการกดทับรากประสาทที่บริเวณกระดูกต้นคอ ซึ่งอาจเกิดจากการก้มคอเล่นโทรศัพท์ หรือใช้คอมพิวเตอร์ในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน จนทำให้กระดูกต้นคอเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกคอเคลื่อนไปกดเบียดรากประสาท

อาการปลายนิ้วชาแต่ละนิ้ว แตกต่างกันไหม

อาการปลายนิ้วชาที่เกิดขึ้นในนิ้วต่าง ๆ นั้นสามารถบ่งบอกถึงตำแหน่งของเส้นประสาทที่ถูกกดทับได้ เนื่องจากเส้นประสาทแต่ละเส้นจะไปเลี้ยงนิ้วที่แตกต่างกัน

อาการชาปลายนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือนิ้วนางครึ่งหนึ่ง

อาการชาในกลุ่มนิ้วเหล่านี้มักเป็นสัญญาณของการกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือหรือฝ่ามือ (Median Nerve) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้นิ้วมือมากเป็นพิเศษ หรือเกิดจากการกดทับของรากประสาทที่คอจากภาวะกระดูกคอเสื่อม

อาการชาปลายนิ้วนาง นิ้วก้อย

หากมีอาการชาที่นิ้วนางและนิ้วก้อย มักบ่งชี้ถึงปัญหาการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อศอก (Ulnar Nerve) เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เส้นประสาทนี้ทอดผ่าน หรืออาจเป็นผลมาจากการกดทับรากประสาทที่กระดูกต้นคอได้เช่นกัน

อาการปลายนิ้วชาแบบไหนที่ควรพบแพทย์

แม้ว่าอาการปลายนิ้วชาอาจไม่ได้อันตรายเสมอไป แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที

  • อาการชาเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จนรบกวนการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน
  • อาการชาหนักจนรบกวนการนอนหลับ ทำให้ต้องตื่นกลางดึกหรือตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการชาที่รุนแรง
  • เริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อมืออ่อนแรง กำมือไม่ถนัด หรือจับของแล้วหลุดมือบ่อยครั้ง
  • มีอาการปวดร้าวหรือชาไปถึงแขนและคอร่วมด้วย หรือหากมีอาการชาปลายนิ้วเท้าเกิดจากอะไร ร่วมด้วย

วิธีรักษาอาการปลายนิ้วชา

วิธีรักษาอาการปลายนิ้วชา

การรักษาอาการปลายนิ้วชา นั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของการกดทับเส้นประสาท โดยแพทย์จะพิจารณาแนวทางรักษาจากเบาไปหาหนัก

รักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

หากอาการชาอยู่ในระยะเริ่มต้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานมือ แขน และคอ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้ป่วยควรรับทราบว่ามีปัญหาจากการใช้ท่าทางใด และปรับลดการใช้งานมือในท่าทางที่ทำให้เกิดการกดทับ เช่น หลีกเลี่ยงการงอข้อมือหรือข้อศอกค้างไว้นาน ๆ และควรพักการใช้งานเป็นระยะ

รักษาด้วยการกินยา

แพทย์อาจพิจารณาให้ยาแก้อักเสบเพื่อลดการอักเสบบริเวณเส้นเอ็นและเส้นประสาทที่ถูกกดทับ รวมถึงอาจให้วิตามินบำรุงเส้นประสาทที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของเส้นประสาทที่เสียหายให้กลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

รักษาด้วยการใส่ที่ดามข้อมือ

การใส่ที่ดามข้อมือ (Wrist Splint) มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการชาจากภาวะเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณข้อมือ อุปกรณ์นี้จะช่วยจัดตำแหน่งข้อมือให้อยู่ในท่าที่เป็นกลาง (Neutral Position) ซึ่งเป็นการลดการกดทับเส้นประสาทโดยตรง และยังช่วยจำกัดการใช้งานข้อมือไปในตัว โดยเฉพาะในเวลากลางคืนเพื่อป้องกันอาการชาที่รบกวนการนอนหลับ

รักษาด้วยการผ่าตัด

การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดจะถูกพิจารณาในกรณีที่การรักษาแบบอื่น ๆ ไม่ได้ผล หรือเมื่ออาการของผู้ป่วยรุนแรงมาก เช่น มีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน การผ่าตัดจะช่วยลดการกดทับเส้นประสาทได้อย่างถาวร และช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น

สรุปบทความ

อาการปลายนิ้วชา อาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างที่คิด เพราะมักเป็นสัญญาณของการกดทับเส้นประสาท ซึ่งหากปล่อยไว้อาจนำไปสู่การอ่อนแรงของกล้ามเนื้อได้ การทำความเข้าใจสาเหตุและการรีบรักษาอย่างทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณกำลังมีอาการปวดเข่าเรื้อรัง ไม่อยากผ่าตัด มีข้อเสื่อมจากอายุ หรือใช้งานหนัก ลุกนั่งลำบาก เข่าบวม หรือลงน้ำหนักไม่ได้ ลองปรึกษา KLOSS Wellness Clinic เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและกล้ามเนื้อ พร้อมดูแลสุขภาพองค์รวมของคุณด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อการฟื้นฟูที่ยั่งยืน

คำถามที่พบบ่อย

อาการปลายนิ้วชาแบบไหนที่บ่งบอกถึงโรคร้ายแรงที่ควรรีบพบแพทย์?

อาการปลายนิ้วชาที่มีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย ชาตลอดเวลา หรือมีอาการชาที่รุนแรง และไม่ดีขึ้นเลยหลังการดูแลตัวเองเบื้องต้น บ่งบอกถึงความเสียหายของเส้นประสาทที่ควรรีบพบแพทย์

สาเหตุทั่วไปที่ทำให้ปลายนิ้วชา มักเกิดจากการอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เช่น นอนทับแขน หรือการใช้ข้อมือและข้อศอกในท่างอหรือกระดกซ้ำ ๆ จนเกิดการกดทับเส้นประสาท

โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ และภาวะไตเสื่อมระยะ3 อันตรายไหม ล้วนสามารถส่งผลให้เกิดปลายประสาทอักเสบ ซึ่งทำให้อาการปลายนิ้วชากำเริบและรุนแรงขึ้นได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Kloss Wellness Clinic มี 3 สาขา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
LOGO KLOSS WELLNESS CLINIC

BOOKING

 กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
กรุณาเลือก Promotions ที่คุณสนใจ
*** สงวนสิทธิ์ 1 คน / 1 สิทธิ์