โรคลิ้นหัวใจรั่วอันตรายไหม? คำถามนี้อาจผุดขึ้นในใจใครหลายคน เพราะนี่คืออีกหนึ่งภัยเงียบที่มักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ โรคลิ้นหัวใจรั่ว เพื่อให้คุณเข้าใจสาเหตุ อาการ แนวทางการรักษา และแนวทางการป้องกันได้อย่างแท้จริง
โรคลิ้นหัวใจรั่วคืออะไร
โรคลิ้นหัวใจรั่ว (Heart Valve Regurgitation) คือภาวะที่ลิ้นหัวใจซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดในหัวใจปิดไม่สนิท หรือมีรูรั่ว ทำให้เลือดบางส่วนไหลย้อนกลับไปยังห้องหัวใจเดิม การไหลย้อนกลับของเลือดนี้เองที่ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายให้เพียงพอ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โรคลิ้นหัวใจรั่วอันตรายไหม
โรคลิ้นหัวใจรั่วอันตรายไหม? แน่นอนว่ามีความอันตรายและไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นที่ลิ้นหัวใจ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อวงจรการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย โรคลิ้นหัวใจรั่วจึงถือเป็นภัยเงียบ เนื่องจากมักไม่แสดงอาการที่ชัดเจนจนกว่าลิ้นหัวใจจะเกิดความเสียหายในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้มีเลือดคั่งในหัวใจมากขึ้น และนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว รวมถึงการเสียชีวิตเฉียบพลันได้ในที่สุด
สาเหตุของโรคลิ้นหัวใจรั่ว
โรคลิ้นหัวใจรั่ว พบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ แม้บางรายอาจมีความบกพร่องของเนื้อเยื่อลิ้นหัวใจมาแต่กำเนิด แต่ก็มีสาเหตุอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังได้เช่นกัน
ลิ้นหัวใจเสื่อมตามอายุ
เมื่อร่างกายเข้าสู่วัยสูงอายุ ความเสื่อมตามธรรมชาติเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมถึงลิ้นหัวใจด้วย อาจมีหินปูนมาเกาะบริเวณลิ้นหัวใจ ทำให้การเปิดและปิดของลิ้นหัวใจเกิดความผิดปกติ นำไปสู่ โรคลิ้นหัวใจรั่ว และ/หรือ โรคลิ้นหัวใจตีบตามมาได้
โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic Heart Disease)
โรคหัวใจรูมาติกเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียStreptococcus กลุ่ม A ที่บริเวณลำคอ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง การอักเสบอาจลามไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ และลิ้นหัวใจ ส่งผลให้ลิ้นหัวใจเสียหายและเกิด โรคลิ้นหัวใจรั่ว ได้ หากเป็นเรื้อรังก็สามารถทำให้เกิดภาวะลิ้นหัวใจตีบร่วมด้วย มักพบในเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป แต่แสดงอาการชัดเจนเมื่ออายุมากขึ้น
โรคลิ้นหัวใจรั่วจากการติดเชื้อ
โรคลิ้นหัวใจรั่ว ชนิดนี้มักเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือการติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจ (Infective Endocarditis) โดยเชื้อโรคจะแพร่กระจายไปทำลายเนื้อเยื่อลิ้นหัวใจ ทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และนำไปสู่ภาวะลิ้นหัวใจรั่วได้ในที่สุด
ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ
เมื่อเกิด ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งเป็นผลมาจากไขมันและหินปูนไปเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนตาย หรือทำงานผิดปกติ และเกิดปัญหาลิ้นหัวใจรั่วตามมาได้ ภาวะนี้มักพบในผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปี และผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี หรือวัยหมดประจำเดือน และเป็นภาวะที่หลายคนสงสัยว่าหลอดเลือดหัวใจตีบ รักษาหายไหม ซึ่งต้องอาศัยการรักษาที่เหมาะสมและต่อเนื่อง
อาการของโรคลิ้นหัวใจรั่ว
หัวใจเป็นอวัยวะที่แข็งแรงมาก จึงมักไม่แสดงอาการผิดปกติในระยะเริ่มต้น โดยส่วนใหญ่ อาการของ โรคลิ้นหัวใจรั่ว มักจะค่อยเป็นค่อยไป แต่สามารถสังเกตจากอาการที่พบบ่อยได้ดังนี้
- เหนื่อยง่าย หายใจหอบ นอนราบไม่ได้: ผู้ป่วยมักทำกิจกรรมได้ไม่นาน รู้สึกเหนื่อยง่ายผิดปกติ หายใจลำบากเมื่อออกแรง หรือแม้กระทั่งนอนราบไม่ได้ เพราะรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เมื่อแพทย์ตรวจจะพบ “เสียงฟู่” ซึ่งเป็นเสียงหัวใจที่ผิดปกติ บ่งชี้ว่ามีเลือดไหลสวนทางภายในหัวใจ
- ขาและเท้าบวม: โดยเฉพาะอาการบวมที่เท้าและข้อเท้า มักเกิดจากลิ้นหัวใจด้านขวาเกิดความผิดปกติ ทำให้เลือดจากขาไม่สามารถไหลเวียนกลับเข้าสู่หัวใจด้านขวาได้สะดวก เกิดการคั่งของน้ำ
- ไอ มีเสมหะปนเลือด: ในผู้ที่มีอาการรุนแรง อาจมีภาวะน้ำท่วมปอด ทำให้มีอาการไอเรื้อรัง และบางครั้งอาจมีเสมหะปนเลือดร่วมด้วย
- วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด หมดสติ: เกิดจากระบบไหลเวียนของเลือด และการสูบฉีดเลือดของหัวใจเกิดความผิดปกติ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ อาจมีอาการวูบ ไม่รู้สึกตัวกะทันหัน
- ใจสั่น เจ็บหน้าอก: ผู้ป่วยอาจรู้สึกใจสั่นผิดปกติ หรือมีอาการเจ็บหน้าอก ซึ่งอาจเป็นนานเป็นชั่วโมง หรือเป็นวัน โดยอาการจะแสดงมากขึ้นเมื่อเปลี่ยนท่า ขยับตัว หรือหายใจเข้าลึก ๆ หากสังเกตพบความผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจ หรือ โรคลิ้นหัวใจรั่ว โดยทันที
การรักษาโรคลิ้นหัวใจรั่ว
หากพบว่าผู้ป่วยเป็น โรคลิ้นหัวใจรั่ว แพทย์จะทำการรักษาตามความรุนแรงของอาการ หากลิ้นหัวใจรั่วมาก หรือกล้ามเนื้อที่พยุงลิ้นหัวใจหย่อนยาน ปูด หรือหนาตัวมาก แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ
การผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจ (Valve Repair)
การผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจ เป็นการรักษาเพื่อซ่อมแซมลิ้นหัวใจส่วนที่ถูกทำลาย ฉีกขาด หรือมีรอยรั่ว ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยอาจใช้วิธีลอกหินปูนที่จับตัวออก หรือใช้เนื้อเยื่อหัวใจของผู้ป่วยเองมาซ่อมแซม เพื่อให้ลิ้นหัวใจสามารถทำงานใกล้เคียงปกติที่สุด วิธีนี้มีข้อดีคือไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย แต่มีข้อจำกัดคือจะสามารถทำได้เฉพาะบางกรณีเท่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของลิ้นหัวใจ
การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ (Valve Replacement)
การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยในกรณีที่พบว่าลิ้นหัวใจเสื่อมสภาพมาก มีการฉีกขาดรุนแรง หรือมีหินปูนเกาะจนไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดตามวิธีมาตรฐาน คือ การเปิดแผลผ่าตัดกึ่งกลางหน้าอก เพื่อนำลิ้นหัวใจที่เสียหายออก และใส่ลิ้นหัวใจเทียมเข้าไปทดแทน ซึ่งอาจเป็นลิ้นหัวใจเทียมชนิดโลหะ หรือชนิดเนื้อเยื่อ
แนวทางการป้องกันโรคลิ้นหัวใจรั่ว
แม้ว่า โรคลิ้นหัวใจรั่ว บางส่วนจะยากต่อการป้องกัน เนื่องจากปัจจัยบางอย่างเช่นกรรมพันธุ์ หรือความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคมาแต่กำเนิด ก็สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค และลดความรุนแรงของโรคได้ ดังนี้
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล ไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ และโซเดียมสูง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงความเสี่ยงของหลอดเลือดหัวใจตีบ รักษาหายไหม นั้นก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกินด้วย
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์: การมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนจะเพิ่มภาระการทำงานของหัวใจ การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ควรออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: สารนิโคตินและสารเคมีอื่น ๆ ในบุหรี่ รวมถึงแอลกอฮอล์ ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดและหัวใจโดยตรง เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดหลายชนิด
- เข้ารับการตรวจสุขภาพร่างกายประจำปี: การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- ควบคุมความเสี่ยงที่เกิดจากโรคอื่น ๆ: โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือมีภาวะคอเลสเตอรอลสูง ควรควบคุมโรคเหล่านี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลต่อหัวใจ
สรุปบทความ
โรคลิ้นหัวใจรั่ว เป็นภาวะที่ควรให้ความสำคัญ เพราะหากละเลย อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ การทำความเข้าใจว่า โรคลิ้นหัวใจรั่วอันตรายไหม สาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพหัวใจของตัวเองได้อย่างเหมาะสม
หากคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาการ ปวดหัวเข่า เรื้อรัง ไม่อยากผ่าตัด มีข้อเสื่อมจากอายุ หรือใช้งานหนัก ลุกนั่งลำบาก บวม ลงน้ำหนักไม่ได้ ที่ KLOSS Wellness Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับข้อ กระดูก และกล้ามเนื้อ เพื่อให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพที่ดี