เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ คือ ภาวะขาโก่งในผู้สูงอายุ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ทำให้การเดินและการทรงตัวแย่ลง บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจสาเหตุของภาวะขาผิดรูป และแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ขาโก่งมีลักษณะอย่างไร
ภาวะขาโก่ง หรือที่ในวงการแพทย์เรียกว่า Genu Varum คือภาวะที่ขาทั้งสองข้างโค้งออกจากกัน เมื่อยืนตรงแล้วนำข้อเท้ามาชิดกัน หัวเข่าจะห่างออกจากกัน ทำให้เกิดช่องว่างตรงกลางระหว่างหัวเข่า คล้ายกับรูปตัว O ซึ่งส่งผลต่อการลงน้ำหนักที่ผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดเข่าและปัญหาในการเดินตามมา
ขาโก่งในผู้สูงอายุเกิดจากอะไร
ภาวะขาโก่งในผู้สูงอายุ เกิดจากหลายปัจจัย โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเสื่อมสภาพของร่างกายตามวัย ซึ่งเป็นกระบวนการที่หลีกเลี่ยงได้ยากแต่สามารถดูแลและป้องกันได้
โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)
นี่คือสาเหตุหลักที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เกิด ขาโก่ง ในผู้สูงอายุ การที่กระดูกอ่อนในข้อเข่าสึกหรอและเสื่อมสภาพลง ทำให้เกิดความไม่สมดุลในการลงน้ำหนัก ส่งผลให้กระดูกขาด้านในได้รับแรงกดทับมากกว่าปกติและโค้งออกไปด้านนอก จนเกิดภาวะขาผิดรูป
การขาดวิตามินดี
การขาดวิตามินดีอย่างรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะกระดูกอ่อนในผู้ใหญ่ (Osteomalacia) ทำให้กระดูกอ่อนแอและไม่สามารถรองรับน้ำหนักตัวได้เต็มที่ ส่งผลให้กระดูกขาค่อย ๆ โค้งงอผิดรูปได้
โรคพาเจต (Paget’s disease)
โรคนี้เป็นภาวะที่การสร้างและสลายกระดูกในร่างกายผิดปกติไป ทำให้กระดูกมีขนาดใหญ่และเปราะบาง ซึ่งส่งผลให้กระดูกขาเกิดการโค้งงอและผิดรูปในที่สุด
การบาดเจ็บหรือกระดูกหักที่รักษาไม่ถูกต้อง
การบาดเจ็บรุนแรงที่ขาหรือกระดูกหักที่ได้รับการรักษาไม่ถูกวิธีหรือไม่ได้รักษา อาจส่งผลให้กระดูกติดในตำแหน่งที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ทำให้เกิดภาวะ ขาโก่ง และปวดเรื้อรังได้
ขาโก่งตั้งแต่วัยเด็กที่ไม่ได้รับการรักษา
ในบางกรณี ภาวะขาผิดรูป อาจเป็นมาตั้งแต่เด็กแต่ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ทำให้ปัญหาทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อกระดูกและข้อต่อเริ่มเสื่อมสภาพตามวัย
สาเหตุภาวะขาโก่งของคนทั่วไป
แม้จะพบได้มากในผู้สูงอายุ แต่ภาวะ ขาโก่ง ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งอาจมีสาเหตุแตกต่างกันไป และควรได้รับการดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ
พันธุกรรม
บางคนอาจมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่ทำให้มีภาวะ ขาโก่ง ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ซึ่งเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นโรคแต่ก็ควรระวังและดูแลสุขภาพขาเป็นพิเศษ
โรคบลาวต์ (Blount’s disease)
เป็นภาวะที่พบในเด็กและวัยรุ่น ทำให้กระดูกหน้าแข้งเจริญเติบโตผิดปกติและไม่สมดุล ส่งผลให้ขาโค้งงอ โดยเฉพาะบริเวณใต้หัวเข่า
การขาดสารอาหาร
การขาดสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการสร้างและบำรุงกระดูก เช่น แคลเซียมและวิตามินดี เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กระดูกไม่แข็งแรงและอาจนำไปสู่ภาวะขาผิดรูปได้
น้ำหนักตัวมากเกินไป
น้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้เกิดแรงกดทับอย่างมหาศาลที่ข้อเข่าและข้อเท้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ข้อต่อรับภาระหนักเกินไปและอาจส่งผลให้ขาโค้งงอได้
การใช้งานข้อเข่าผิดวิธี อย่างต่อเนื่องยาวนาน
น้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้เกิดแรงกดทับอย่างมหาศาลที่ข้อเข่าและข้อเท้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ข้อต่อรับภาระหนักเกินไปและอาจส่งผลให้ขาโค้งงอได้
ขาโก่งสามารถกลับมาขาตรงได้ไหม
สำหรับผู้สูงอายุ ภาวะ ขาโก่ง ที่เกิดขึ้นแล้วมักไม่สามารถกลับมาตรงเองได้ตามธรรมชาติ เพราะสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเสื่อมสภาพของกระดูกและข้อต่อที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การรักษาขาโก่งที่เหมาะสมจะช่วยชะลอการดำเนินของโรค ลดอาการปวด และช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ดีขึ้น โดยอาจต้องใช้แนวทางการรักษาที่หลากหลายร่วมกัน
วิธีการรักษาขาโก่ง
การรักษาภาวะ ขาโก่ง สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการดูแลตนเองเบื้องต้นและการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและสาเหตุของภาวะขาโก่งนั้น ๆ
การรักษาขาโก่งด้วยตนเอง
การดูแลตนเองไม่สามารถทำให้ ขาโก่ง กลับมาตรงได้ แต่ช่วยลดอาการปวดและปัญหาที่เกี่ยวข้องให้ดีขึ้นได้
การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา
การออกกำลังกายที่เน้นเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า เช่น การบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps) การเดินบนสายพาน หรือการว่ายน้ำ จะช่วยพยุงข้อเข่าให้มั่นคงและลดแรงกดทับได้
ใช้อุปกรณ์พยุงเข่า
การใช้อุปกรณ์เสริมอย่างเข็มขัดพยุงเข่าหรือแผ่นรองรองเท้าชนิดพิเศษ ช่วยกระจายน้ำหนักและปรับสมดุลของการเดินและการยืน ลดแรงกดทับบนข้อเข่า ทำให้เดินได้มั่นคงขึ้น
ควบคุมน้ำหนักตัว
การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยลดแรงกดทับที่กระทำต่อข้อเข่าโดยตรง และชะลอการเสื่อมของข้อต่อได้
การประคบร้อนหรือเย็น
การประคบเย็นสามารถช่วยลดอาการอักเสบและปวดหลังการใช้งานหนัก ในขณะที่การประคบร้อนช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
การปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน
หลีกเลี่ยงการยืนหรือเดินเป็นเวลานาน และเลือกใช้รองเท้าที่มีพื้นนุ่มและรองรับอุ้งเท้าได้ดี เพื่อลดแรงกระแทกที่ส่งผลต่อข้อเข่า
การฝึกการทรงตัว
การฝึกการทรงตัว เช่น การยืนขาเดียวโดยใช้ไม้เท้าช่วยพยุง หรือการใช้ลูกบอลบริหาร จะช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อทำงานได้อย่างสมดุลมากขึ้น ลดความเสี่ยงในการหกล้ม
การรักษาขาโก่งด้วยการแพทย์
สำหรับผู้ที่มีภาวะขาผิดรูปรุนแรงหรือมีอาการปวดมาก แพทย์อาจพิจารณาการรักษาที่เหมาะสม
การใช้ยาแก้ปวดลดอักเสบ การฉีดยาเข้าข้อเข่า หรือการทำกายภาพบำบัด
การใช้ยาหรือการฉีดรักษาขาโก่งเข้าข้อเข่าสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบที่เกิดจากภาวะ ขาโก่ง ได้ แต่ไม่สามารถแก้ไขความผิดรูปของกระดูกได้ การทำกายภาพบำบัดก็สามารถช่วยได้ด้วยการจัดกระดูก แก้ขาโก่ง ในเชิงการเสริมสร้างความแข็งแรงและยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
การผ่าตัดตัดกระดูกเพื่อปรับแนว (Osteotomy)
เป็นการผ่าตัดที่เหมาะสำหรับผู้ที่ขาโก่งไม่มากและข้อเข่ายังแข็งแรง โดยแพทย์จะทำการตัดกระดูกบางส่วนเพื่อปรับแนวของขาให้ตรงขึ้น ช่วยให้การลงน้ำหนักกลับมาเป็นปกติ
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมรุนแรงร่วมด้วย การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะไม่เพียงแต่จะสามารถแก้ไขปัญหา ขาโก่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยลดอาการปวดจากข้อเข่าเสื่อมได้อย่างถาวรอีกด้วย
ขาโก่งแบบไหนควรพบแพทย์
แม้ว่า ขาโก่ง อาจไม่ใช่ภาวะฉุกเฉิน แต่มีบางกรณีที่ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด
- เมื่อระยะห่างระหว่างเข่ามากกว่า 8 เซนติเมตร เมื่อยืนตรง
- มีอาการปวดเข่าหรือปวดข้อเท้า เป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อเดินหรือยืนนาน ๆ
- สังเกตเห็นว่าขาโก่งมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว
- มีปัญหาในการเดิน หรือทรงตัวไม่มั่นคง
คำถามที่พบบ่อย
ขาโก่งเป็นกรรมพันธุ์ไหม
ขาโก่ง สามารถเป็นลักษณะทางพันธุกรรมได้ โดยเฉพาะในบางครอบครัวที่มีแนวโน้มที่จะมีขาผิดรูป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนในครอบครัวจะต้องมีอาการเดียวกัน
ขาโก่งมีอาการยังไง
อาการหลักของ ขาโก่ง คือการที่หัวเข่าไม่ชิดกันเมื่อยืนตรง โดยผู้ป่วยอาจมีอาการปวดเข่าและมีปัญหาในการเดิน ทรงตัวลำบาก หรือเดินแล้วรู้สึกไม่มั่นคงร่วมด้วย
สายรัดขาโก่งช่วยได้จริงไหม
สายรัด ขาโก่ง อาจช่วยประคองและลดการลงน้ำหนักที่ผิดปกติได้บ้างในระยะสั้น แต่ไม่สามารถแก้ไขความผิดรูปของกระดูกที่เกิดขึ้นแล้วได้ และควรใช้ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
สรุปบทความ
ภาวะขาโก่งในผู้สูงอายุ เกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโรคข้อเข่าเสื่อมที่ทำให้กระดูกและข้อต่อเสื่อมสภาพจนเกิดภาวะขาผิดรูป ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก การทำความเข้าใจสาเหตุและแนวทางรักษาขาโก่ง จึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณกำลังมีอาการปวดเข่าเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นอาการเข่าบวม ลุกนั่งลำบาก หรือมีปัญหาในการลงน้ำหนัก และกำลังมองหาวิธีรักษาอาการปวดหัวเข่าแบบไม่ต้องผ่าตัด ลองปรึกษา KLOSS Wellness Clinic ที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพข้อและกระดูกโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง เราพร้อมที่จะช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง