เปรียบเทียบโปรแกรม DFPP กับ EBOO

DFPP (Double Filtration Plasmapheresis) หลักการทำงาน ใช้เทคโนโลยีกรองพลาสมาออกจากเลือด 2 ขั้นตอน กำจัดสารพิษ ไขมัน LDL และโปรตีนอักเสบที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ประโยชน์ของ DFPP ลดระดับไขมัน LDL ที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดการอักเสบของร่างกาย เหมาะสำหรับโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (SLE, RA) ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ เหมาะกับผู้ป่วยไตเรื้อรังที่ต้องการลดสารพิษในเลือด ข้อเสียของ DFPP ค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากเป็นกระบวนการซับซ้อน ใช้เวลานาน (ประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมงต่อครั้ง) ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ กลุ่มผู้ป่วยที่เหมาะกับ DFPP ผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง ดื้อยา ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคไตเรื้อรัง ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง เช่น SLE, รูมาตอยด์ EBOO (Extracorporeal Blood Oxygenation and Ozonation) หลักการทำงาน ใช้ออกซิเจนและโอโซนบำบัดเลือด เพิ่มปริมาณออกซิเจน ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและกำจัดโลหะหนักในร่างกาย ประโยชน์ของ […]
EBOO Therapy ต่างจากการฟอกเลือดแบบทั่วไปอย่างไร?

EBOO Therapy คืออะไร? EBOO (Extracorporeal Blood Oxygenation and Ozonation) Therapy เป็นการฟอกเลือดด้วยออกซิเจนและโอโซน ซึ่งช่วยล้างสารพิษ เพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์ และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน แตกต่างจากการฟอกเลือดแบบทั่วไปที่ใช้สำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง โดย EBOO Therapy มุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูสุขภาพโดยรวม ไม่ใช่เพียงการกำจัดของเสียจากร่างกาย ในบทความนี้ เราจะเปรียบเทียบ EBOO Therapy กับการฟอกเลือดแบบทั่วไป เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างและประโยชน์ของแต่ละวิธี ความแตกต่างระหว่าง EBOO Therapy กับการฟอกเลือดทั่วไป หัวข้อ EBOO Therapy การฟอกเลือดทั่วไป (Hemodialysis) วัตถุประสงค์ ล้างสารพิษ โลหะหนัก เพิ่มออกซิเจน กำจัดของเสียและน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย กลุ่มเป้าหมาย ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพ เสริมภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ไตทำงานผิดปกติ วิธีการทำงาน ใช้โอโซนและออกซิเจนบริสุทธิ์ช่วยทำความสะอาดเลือด ใช้เครื่องไตเทียมกรองของเสียออกจากเลือด ผลลัพธ์หลัก เพิ่มออกซิเจน ลดการอักเสบ ฟื้นฟูเซลล์ ขจัดของเสียที่ไตไม่สามารถกรองออกได้ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหา อ่อนเพลียเรื้อรัง, ภูมิคุ้มกันต่ำ, […]
EBOO Therapy – ฟอกเลือดล้างสารพิษ ฟื้นฟูสุขภาพจากภายใน
ในปัจจุบัน สุขภาพของเราถูกคุกคามจาก มลภาวะ สารพิษ โลหะหนัก และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันต่ำ และโรคเรื้อรังต่างๆ การดูแลสุขภาพจึงต้องเริ่มจาก ภายในสู่ภายนอก หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงคือ EBOO Therapy (Extracorporeal Blood Oxygenation and Ozonation) หรือการฟอกเลือดด้วยโอโซน ซึ่งช่วยขจัดสารพิษ เสริมออกซิเจนให้ร่างกาย และกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ที่ Kloss Wellness Clinic เราให้บริการ EBOO Therapy ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน EBOO Therapy คืออะไร? EBOO Therapy เป็นกระบวนการฟอกเลือดที่ใช้ ออกซิเจนและโอโซน ในการกำจัดสารพิษ สารก่อการอักเสบ และโลหะหนักที่ตกค้างในกระแสเลือด วิธีนี้ช่วย เพิ่มออกซิเจนให้เซลล์ ฟื้นฟูสุขภาพจากภายใน และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ขั้นตอนการทำงานของ EBOO Therapy นำเลือดออกจากร่างกาย ผ่านเครื่องฟอกเลือด เติมโอโซนและออกซิเจนบริสุทธิ์ เข้าไปในเลือด กรองสารพิษ โลหะหนัก […]
EBOO ช่วยล้างสารพิษในร่างกายได้จริงหรือไม่?
EBOO (Extracorporeal Blood Oxygenation and Ozonation) กำลังเป็นที่สนใจในวงการแพทย์ทางเลือกและเวชศาสตร์ชะลอวัย โดยมีการกล่าวอ้างว่าสามารถช่วย ล้างสารพิษในเลือด ขจัดโลหะหนัก และฟื้นฟูสุขภาพ ได้จริงหรือไม่? วันนี้เราจะมาวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งวิชาการและงานวิจัย เพื่อให้คุณได้เข้าใจอย่างถูกต้อง EBOO คืออะไร? ทำงานอย่างไร? EBOO (Extracorporeal Blood Oxygenation and Ozonation) เป็นกระบวนการ ฟอกเลือดด้วยออกซิเจนและโอโซน โดยเลือดของผู้ป่วยจะถูกนำออกจากร่างกายผ่านเครื่องกรองเฉพาะ จากนั้นจะ เติมโอโซน (O₃) และออกซิเจน (O₂) เพื่อกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ขั้นตอนของ EBOO ดึงเลือดออกจากร่างกาย ผ่านสายต่อพิเศษเข้าสู่ระบบฟอกเลือด ผ่านกระบวนการเติมโอโซนและออกซิเจน เพื่อกระตุ้นการกำจัดสารพิษและเสริมสร้างออกซิเจนให้กับเซลล์ ฟอกเลือดและกรองสารพิษ ผ่านไส้กรองเฉพาะ นำเลือดที่ฟอกแล้วกลับเข้าสู่ร่างกาย Note : หลักการทำงานของ EBOO อ้างอิงจากแนวคิดการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายผ่านกระบวนการออกซิเดชันของโอโซน ซึ่งจะช่วยทำลายแบคทีเรีย ไวรัส และโลหะหนักบางชนิด EBOO สามารถล้างสารพิษในร่างกายได้จริงหรือไม่? 1. EBOO กำจัดโลหะหนักได้จริงหรือไม่? งานวิจัยบางฉบับระบุว่า […]
สรุปงานวิจัย: ในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Angina Pectoris)

Enhanced External Counterpulsation (EECP) เป็นวิธีการรักษาที่ ไม่ต้องผ่าตัด ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถ เพิ่มอัตราการรอดชีวิต ของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ลดอัตราการเสียชีวิต หลังภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และ ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตไปยังหัวใจ เพิ่มออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ ลดภาระการทำงานของหัวใจ โดยลดแรงต้านของหลอดเลือดแดงใหญ่ กระตุ้นการเปิดหลอดเลือดข้างเคียง (Collateral Circulation) เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังบริเวณที่ขาดเลือด วัตถุประสงค์ของการศึกษา ศึกษาว่า EECP สามารถช่วยลดภาวะขาดเลือดของกล้ามเนื้อหัวใจ (Myocardial Ischemia) และช่วยให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Angina Pectoris) มีความทนทานต่อการออกกำลังกายได้ดีขึ้นหรือไม่ วิธีการศึกษา ผู้ป่วย 18 คน (ชาย 17 คน หญิง 1 คน) มีภาวะ เจ็บหน้าอกเรื้อรัง (Chronic Stable Angina) ได้รับยารักษาทางการแพทย์แล้ว แต่ยังคงมีอาการ คัดกรองด้วย Thallium-201 Perfusion Imaging เพื่อยืนยันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เกณฑ์คัดออก ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวรุนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง […]
เทคนิคการรักษามะเร็งที่ Kloss Wellness Clinic

ที่ Kloss Wellness Clinic เราให้ความสำคัญกับการรักษาโรคมะเร็งแบบองค์รวม โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและแนวทางที่มุ่งเน้นการ ฟื้นฟูร่างกาย ลดผลข้างเคียงจากการรักษาแบบดั้งเดิม และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เราเชื่อว่าการรักษามะเร็งไม่ควรจำกัดเพียงแค่การทำลายเซลล์มะเร็ง แต่ควรเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือ เทคนิคการรักษามะเร็ง ที่เรามีให้บริการที่ Kloss Wellness Clinic 1. การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy) การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันเป็นเทคนิคการรักษาสมัยใหม่ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้เองโดยธรรมชาติ Kloss Wellness Clinic มีแนวทางการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันแบบเฉพาะบุคคล เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถจดจำและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดเด่นของการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันที่ Kloss Wellness Clinic ลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดและการฉายรังสี กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการควบคุมมะเร็งระยะลุกลาม 2. การรักษาด้วยการส่งเสริมระบบภุมิคุ้มกัน (Antigen imuno cell) ช่วยฟื้นฟูร่างกายของผู้ป่วยมะเร็งและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง Kloss Wellness Clinic ซึ่งสามารถช่วยลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดและกระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหายจากมะเร็ง ข้อดีของการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด ลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากเคมีบำบัด กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและช่วยฟื้นฟูอวัยวะที่ได้รับความเสียหาย ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง สามารถช่วยผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างไร? ลดอาการเมื่อยล้าและเสริมสร้างพลังงานให้ร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ที่ได้รับความเสียหายจากการรักษา ป้องกันการลุกลามของมะเร็งและช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต 3. การให้วิตามินและสารอาหารเฉพาะทาง (High-dose […]
ระยะของโรคมะเร็ง: เข้าใจการลุกลามของโรคเพื่อการรักษาที่เหมาะสม

โรคมะเร็งเป็นโรคที่มีการพัฒนาไปอย่างเป็นลำดับขั้น โดยแพทย์จะใช้ระบบการกำหนดระยะของมะเร็งเพื่อช่วยวางแผนการรักษาและประเมินโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วย การทราบระยะของมะเร็งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแนวทางการรักษาและการพยากรณ์โรค ระยะของมะเร็งถูกกำหนดขึ้นโดยพิจารณาจาก ขนาดของก้อนมะเร็ง การแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง และการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ระบบที่ใช้กันมากที่สุดคือระบบ TNM Staging ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ระยะหลัก ได้แก่ ระยะศูนย์ (Stage 0), ระยะที่ 1 (Stage I), ระยะที่ 2 (Stage II), ระยะที่ 3 (Stage III) และระยะที่ 4 (Stage IV) ระยะศูนย์ (Stage 0) – Carcinoma in Situ (CIS) มะเร็งระยะศูนย์ เป็นระยะที่เซลล์ผิดปกติเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง แต่ยังไม่ลุกลามออกจากบริเวณที่เกิดโรค เซลล์เหล่านี้อยู่เฉพาะในชั้นของเนื้อเยื่อที่เกิดการเปลี่ยนแปลงและยังไม่แพร่กระจายไปที่อื่น จุดเด่นของระยะศูนย์: เซลล์มะเร็งยังไม่ลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง สามารถตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรอง เช่น แปปสเมียร์ (Pap Smear) สำหรับมะเร็งปากมดลูก หรือแมมโมแกรม […]
อาการของโรคมะเร็ง: สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

โรคมะเร็งเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับอวัยวะหลายส่วนของร่างกาย ทำให้อาการของโรคมีความหลากหลายและแตกต่างกันไปตามชนิดและระยะของมะเร็ง ในระยะเริ่มต้นของโรคมะเร็ง ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการที่ชัดเจน ทำให้การตรวจพบมะเร็งมักเกิดขึ้นเมื่อโรคเข้าสู่ระยะที่ลุกลามมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณเตือนบางอย่างที่อาจบ่งบอกถึงการเกิดมะเร็ง และหากสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย 1. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หนึ่งในอาการที่พบบ่อยของโรคมะเร็งคือการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนพบว่าน้ำหนักลดลงมากกว่า 5 กิโลกรัมในเวลาอันสั้น โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินหรือออกกำลังกาย มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ อาจส่งผลให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลให้น้ำหนักลดลงผิดปกติ 2. เหนื่อยล้า อ่อนเพลียเรื้อรัง ความเหนื่อยล้าที่เกิดจากมะเร็งแตกต่างจากความเหนื่อยล้าทั่วไป เนื่องจากเป็นความอ่อนเพลียที่ ไม่สามารถฟื้นตัวได้ด้วยการพักผ่อน ผู้ป่วยมะเร็งมักรู้สึกอ่อนเพลียอย่างรุนแรงแม้ว่าจะไม่ได้ทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก อาการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากเซลล์มะเร็งไปแย่งสารอาหารจากร่างกาย ทำให้ร่างกายขาดพลังงาน 3. มีไข้เรื้อรังหรืออาการติดเชื้อบ่อย ไข้เป็นอาการที่พบได้บ่อยในมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) ผู้ป่วยอาจมีไข้ต่ำ ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน และอาจมีอาการติดเชื้อบ่อยเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง 4. อาการปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้ อาการปวดที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ เช่น ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง ปวดกระดูก หรือปวดหลังที่ไม่ดีขึ้นแม้ได้รับการรักษา อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งที่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น มะเร็งกระดูก มะเร็งสมอง […]
สาเหตุของโรคมะเร็ง: ปัจจัยเสี่ยงและสิ่งที่คุณควรรู้

โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายในร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ เช่น พันธุกรรม และปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่เราสัมผัสอยู่ทุกวัน การเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งช่วยให้เราสามารถลดความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคได้ 1. พันธุกรรมและความผิดปกติของยีน พันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคมะเร็ง ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป ยีนที่กลายพันธุ์ เช่น BRCA1, BRCA2 และ TP53 อาจถูกถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูก ทำให้เซลล์มีแนวโน้มเจริญเติบโตผิดปกติและกลายเป็นมะเร็ง อย่างไรก็ตาม การมีพันธุกรรมที่ผิดปกติไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ได้รับยีนนั้นจะต้องเป็นมะเร็งเสมอไป แต่หากมีปัจจัยกระตุ้นจากพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย โอกาสในการเกิดมะเร็งก็จะสูงขึ้น การกลายพันธุ์ของยีนในร่างกายสามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากเซลล์ในร่างกายต้องแบ่งตัวซ้ำ ๆ ตลอดชีวิต หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการแบ่งเซลล์โดยไม่มีการซ่อมแซมที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดเซลล์ที่ผิดปกติ และพัฒนาไปเป็นมะเร็งในที่สุด ปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้โดยการเฝ้าระวังและตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อค้นหาความผิดปกติที่อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น 2. พฤติกรรมการใช้ชีวิต แม้ว่าพันธุกรรมจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตมีผลกระทบโดยตรงต่อโอกาสในการเกิดมะเร็ง พฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การสูบบุหรี่: บุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากกว่า 60 ชนิด ซึ่งสามารถทำลาย DNA ของเซลล์ในร่างกาย และเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปอด มะเร็งช่องปาก มะเร็งหลอดอาหาร […]
กระบวนการเกิดโรคมะเร็ง: จากเซลล์ปกติสู่เซลล์ร้าย

โรคมะเร็งเป็นหนึ่งในโรคร้ายแรงที่มีผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ในหลายประเทศ กระบวนการเกิดมะเร็งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย ตั้งแต่ระดับเซลล์ไปจนถึงการพัฒนาของโรคในระดับระบบของร่างกาย การเข้าใจกลไกการเกิดมะเร็งช่วยให้เราสามารถป้องกันและรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มะเร็งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย เซลล์ปกติในร่างกายมีวงจรชีวิตที่สมดุล เซลล์จะเจริญเติบโต แบ่งตัว และตายในช่วงเวลาที่เหมาะสม กระบวนการนี้ถูกควบคุมโดยยีนที่อยู่ในนิวเคลียสของเซลล์ อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีเซลล์อาจได้รับการกระตุ้นหรือได้รับความเสียหายจากปัจจัยภายนอก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสารพันธุกรรม (DNA) ซึ่งส่งผลให้เซลล์เติบโตและแบ่งตัวโดยไม่สามารถควบคุมได้ สารพันธุกรรมที่ควบคุมวงจรเซลล์มีอยู่หลายประเภท แต่ที่สำคัญคือ ยีนที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ (Proto-oncogenes) และ ยีนที่ทำหน้าที่กดการเจริญเติบโตของเซลล์ (Tumor suppressor genes) ในภาวะปกติ ยีนเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อรักษาสมดุลของเซลล์ แต่เมื่อเกิดการกลายพันธุ์ในยีนเหล่านี้ Proto-oncogenes อาจเปลี่ยนเป็น Oncogenes ซึ่งเป็นยีนที่สามารถกระตุ้นให้เซลล์เติบโตโดยไร้การควบคุม ในขณะที่ Tumor suppressor genes ที่ควรทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์กลับทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เซลล์เจริญเติบโตผิดปกติและอาจกลายเป็นมะเร็งได้ กระบวนการเกิดโรคมะเร็งไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่เป็นกระบวนการที่ต้องผ่านหลายขั้นตอน ซึ่งใช้เวลาหลายปี กว่าที่เซลล์ปกติจะกลายเป็นเซลล์มะเร็งและพัฒนาไปเป็นก้อนเนื้อร้ายหรือแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ กระบวนการเกิดโรคมะเร็งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ได้แก่ ระยะศูนย์ (Stage 0) – ระยะก่อนเป็นมะเร็งจริง ระยะนี้เรียกว่า […]