โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายในร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ เช่น พันธุกรรม และปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่เราสัมผัสอยู่ทุกวัน การเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งช่วยให้เราสามารถลดความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคได้
1. พันธุกรรมและความผิดปกติของยีน
พันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคมะเร็ง ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป ยีนที่กลายพันธุ์ เช่น BRCA1, BRCA2 และ TP53 อาจถูกถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูก ทำให้เซลล์มีแนวโน้มเจริญเติบโตผิดปกติและกลายเป็นมะเร็ง อย่างไรก็ตาม การมีพันธุกรรมที่ผิดปกติไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ได้รับยีนนั้นจะต้องเป็นมะเร็งเสมอไป แต่หากมีปัจจัยกระตุ้นจากพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย โอกาสในการเกิดมะเร็งก็จะสูงขึ้น
การกลายพันธุ์ของยีนในร่างกายสามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากเซลล์ในร่างกายต้องแบ่งตัวซ้ำ ๆ ตลอดชีวิต หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการแบ่งเซลล์โดยไม่มีการซ่อมแซมที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดเซลล์ที่ผิดปกติ และพัฒนาไปเป็นมะเร็งในที่สุด
ปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้โดยการเฝ้าระวังและตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อค้นหาความผิดปกติที่อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
2. พฤติกรรมการใช้ชีวิต
แม้ว่าพันธุกรรมจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตมีผลกระทบโดยตรงต่อโอกาสในการเกิดมะเร็ง พฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
- การสูบบุหรี่: บุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากกว่า 60 ชนิด ซึ่งสามารถทำลาย DNA ของเซลล์ในร่างกาย และเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปอด มะเร็งช่องปาก มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- การบริโภคแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นเวลานานสามารถเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งเต้านมได้
- การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม: การบริโภคอาหารแปรรูป อาหารไขมันสูง และเนื้อแดงมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งกระเพาะอาหาร
- การขาดการออกกำลังกาย: การไม่ออกกำลังกายส่งผลให้ร่างกายมีการเผาผลาญพลังงานต่ำ เพิ่มโอกาสของโรคอ้วน ซึ่งเชื่อมโยงกับมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งตับ
พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่สามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนได้ หากต้องการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ควรเลิกสูบบุหรี่ จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำ
3. สารก่อมะเร็งจากสิ่งแวดล้อม
นอกจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้ว สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็ง สารก่อมะเร็งที่พบในสิ่งแวดล้อมมีหลายประเภท เช่น
- มลพิษทางอากาศ: ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และก๊าซพิษจากอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปอด
- รังสีอัลตราไวโอเลต (UV): การได้รับแสงแดดจัดเป็นเวลานานโดยไม่มีการป้องกันเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง
- สารเคมีอันตราย: เช่น สารแอสเบสตอส (Asbestos) ซึ่งใช้ในวัสดุก่อสร้าง และสารฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) ที่พบในพลาสติกและเฟอร์นิเจอร์
4. การติดเชื้อและไวรัสที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง
เชื้อไวรัสบางชนิดสามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ เนื่องจากไวรัสเหล่านี้สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ของร่างกาย ตัวอย่างของไวรัสที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง ได้แก่
- ไวรัสเอชพีวี (HPV – Human Papillomavirus) เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก มะเร็งอวัยวะเพศ และมะเร็งลำคอ
- ไวรัสตับอักเสบบีและซี (HBV และ HCV) เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับ
- ไวรัสเอปสไตน์-บาร์ (Epstein-Barr Virus – EBV) เชื่อมโยงกับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งโพรงจมูก
เนื่องจากไวรัสเหล่านี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนหรือการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม การรับวัคซีนป้องกัน HPV และไวรัสตับอักเสบบีสามารถลดโอกาสในการเกิดมะเร็งที่เกี่ยวข้องได้
5. ฮอร์โมนและการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ฮอร์โมนบางชนิดสามารถกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะในมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก ผู้หญิงที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงหรือได้รับฮอร์โมนทดแทนเป็นเวลานานอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการเกิดมะเร็งเต้านม เช่นเดียวกับผู้ชายที่มีระดับฮอร์โมนเพศชายสูงผิดปกติซึ่งอาจเพิ่มโอกาสของมะเร็งต่อมลูกหมาก
โดย : Kloss Wellness Clinic